วิธีคิด yield ค่าเช่า (ยิลด์)พร้อมตัวอย่างคำนวณและเฉลยละเอียด

วิธีคิด yield ค่าเช่า

อธิบายของ rental yield คืออะไรในแบบต่างๆที่มีทั้งหมดพร้อมแสดงสูตร วิธีคิด yield ค่าเช่า ของคอนโดประเภทต่างๆในปัจจุบันเปรียบเทียบให้ครบถ้วน

Yield คืออะไร ?

Yield (ยิลด์) หรือ เปอร์เซ็นต์ยิว คือผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน และยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตั้งราคาค่าเช่าให้เหมาะสมกับราคาตลาดรวมถึงเหมาะสมกับทำเลที่ตั้งของโครงการ

ความสำคัญของ Rental Yield คือ ช่วยให้เราสามารถคำนวณผลตอบแทนที่ต้องการในการลงทุนคอนโดมิเนียมได้ และยังช่วยให้เราสามารถคำนวณราคาปล่อยเช่าต่อเดือน

วิธีคิด Yield คอนโด แบ่งได้เป็นกี่แบบ?

Yield ค่าเช่าแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ rental yield กับ yield guarantee โดย rental yield แบ่งได้อีก 3 ย่อย ตามนี้

1. Rental Yield

Rental Yield  คือ อัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า เกิดจากการคำนวณต้นทุนราคาห้องและค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับผ่านการให้เช่าคอนโด

1.1 Gross Rental Yield

Gross Rental Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่ได้จากการเช่าเบื้องต้น โดยไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกิดขึ้นเลย

สิ่งที่จะต้องนำมาคำนวณสำหรับ Gross Rental Yield

  • ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับต่อปี (หรือค่าเช่าต่อเดือน x12)
  • ราคาห้องคอนโดมิเนียม

วิธีคำนวณแบบ Gross Rental Yield เหมาะกับใครบ้าง?

  • เจ้าของห้องที่ซื้อคอนโดเงินสด (ไม่ได้กู้ธนาคาร) เพราะการคำนวณแบบแรกนี้ไม่ได้นำเงินผ่อนธนาคารมาคิดคำนวณ
  • นักลงทุนที่กำลังจะพิจารณาซื้อคอนโดเพื่อการปล่อยเช่า แะต้องการทราบ Yiled คร่าวๆ ว่าห้องที่กำลังจะตัดสินใจซื้อคุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าหรือไม่
  • ผู้เช่าที่ต้องการประเมินราคาค่าเช่า เพื่อประเมินคร่าวๆว่า ค่าเช่าเมื่อเทียบกับราคาขาย ถือว่าสูงหรือต่ำ

1.2 Net Rental Yield

Net Rental Yield คือ อัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าแบบสุทธิโดยคิดว่าจะปล่อยเช่าได้จริงกี่เดือน โดยมีการหักลบต้นทุนอื่นๆด้วย เช่น ต้นทุนทางการเงินเพิ่มเติมจากค่าส่วนกลาง ค่านายหน้า ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าโอน ค่าภาษีต่างๆ ค่าตกแต่ง ค่าซ่อมห้อง ค่ารีโนเวท ค่าจองและทำสัญญา

สิ่งที่จะต้องนำมาคำนวณแบบ Net Rental Yield

  • ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับต่อปี (หรือค่าเช่าต่อเดือน x12)
  • ค่าส่วนกลางต่อปี (ถ้ามี)
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆต่อปี เช่น ค่าอินเตอร์เนต ค่าล้างแอร์ ค่าทำความสะอาด หรือค่าจิปาถะอื่นๆ(ถ้ามี)
  • ราคาห้องคอนโดมิเนียม
  • ต้นทุนค่าห้อง เช่น ค่าเฟอร์นิเจอร์/ค่าตกแต่งห้อง/เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ/ค่ารีโรเวทห้อง (ถ้ามี)

วิธีคำนวณแบบ Net Rental Yield เหมาะกับใครบ้าง?

  • เจ้าของห้องที่ซื้อคอนโดเงินสด (ไม่ได้กู้ธนาคาร) เพราะการคำนวณแบบแรกนี้ไม่ได้นำเงินผ่อนธนาคารมาคิดคำนวณ
  • เจ้าของห้องคอนโดที่ต้องการทราบผลตอบแทนที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด
  • เจ้าของห้องคอนโดที่มีค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆรายปี
  • เจ้าของห้องคอนโดที่มีต้นทุนสูงขึ้นนอกเหนือจากราคาค่าห้องคอนโดมิเนียม
  • เจ้าของห้องคอนโดที่มีพื้นที่ห้องใหญ่ (ค่าส่วนกลางต่อปีจะสูงตามพื้นที่ห้อง จึงเหมาะกับการนำความส่วนกลางมาคำนวณด้วย)

1.3 Cash on Cash Rental Yield

Cash on Cash Rental Yield คือ อัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าแบบละเอียดโดยมีการหักลบต้นทุนเพิ่มเติมจากค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าจดจำนอง เพิ่มเติมจาก Net Rental Yield

สิ่งที่จะต้องนำมาคำนวณแบบ Cash on Cash Rental Yield

  • ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับต่อปี (หรือค่าเช่าต่อเดือน x12)
  • ค่าส่วนกลางต่อปี (ถ้ามี)
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆต่อปี เช่น ค่าอินเตอร์เนต ค่าล้างแอร์ ค่าทำความสะอาด หรือค่าจิปาถะอื่นๆ(ถ้ามี)
  • เงินผ่อนธนาคารต่อปี
  • เงินที่ลงทุนไปแล้ว เช่น เงินจอง เงินดาวน์
  • ต้นทุนค่าห้อง เช่น ค่าเฟอร์นิเจอร์/ค่าตกแต่งห้อง/เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ/ค่ารีโรเวทห้อง (ถ้ามี)

วิธีคำนวณแบบ Cash on Cash Rental Yield เหมาะกับใครบ้าง?

  • นักลงทุนที่กู้สินเชื่อธนาคารมาซื้อคอนโดมิเนียม

2. Guaranteed Yield

เป็นการการันตีผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าโดยผู้ประกอบการโดยกำหนดจำนวนปีที่รับประกันเรทค่าเช่าต่อเดือนให้

สูตรคำนวณ yield ค่าเช่า

เป็นสูตรที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “Yield” หรือ “อัตราผลตอบแทน” ซึ่งการคำนวณนี้จะทำให้นักลงทุนรู้ถึงจำนวนผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้ตลอดปี โดยยิ่งเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการคำนวณ Yield มากเท่าไร ย่อมส่งผลดีต่อการลงทุนมากเท่านั้น

  • Gross Rental Yield

Gross Rental Yield เหมาะกับ นักลงทุนที่มีเงินสดในการลงทุน ไม่ต้องกู้เงินจากธนาคารมาลงทุนเพราะเป็นสูตรที่ไม่ได้นำค่าใช้จ่ายต่างๆ มาคิด เป็นการคำนวณค่าเช่าเบื้องต้นที่คาดว่าจะได้รับตลอดทั้งปี

สูตร Gross Rental Yield = (ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี ÷ ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมา) x 100

วิธีนี้เป็นการคำนวณง่ายๆ โดยไม่มีการนำต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายต่างๆ มาคำนวณ แต่จะคำนวณด้วยการใช้ “ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดทั้งปี” กับ “ราคาคอนโดที่ซื้อมา”

ข้อเสียอย่างหนึ่งของสูตรการคำนวณนี้คือความไม่แน่นอน เนื่องจากผู้เช่าอาจไม่จ่ายค่าเช่าตามสัญญาหรือผู้เช่าอาจไม่ได้เช่าเต็มปี ดังนั้นเมื่อรายได้ค่าเช่าลดลง ก็ทำให้อัตราตอบแทนจากการให้เช่าเบื้องต้นลดลงด้วย

  • Net Rental Yield

Net Rental Yield เหมาะกับ ผู้ลงทุนที่ใช้เงินสดซื้อคอนโดฯ แต่ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่น ส่วนกลาง ค่าใช้จ่ายรายเดือน โดยสูตรจะคล้ายกับ Gross Rental Yield แต่ต้องนำ ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี – ค่าใช้จ่ายตลอดปี = ค่าเช่าที่คาดว่าได้จะรับสุทธิ

สูตร Net Rental Yield = (ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี – ค่าส่วนกลาง) ÷ ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมา ) x 100

สูตรที่สองนี้จะมีความคล้ายกับสูตรแรก แต่มีการนำปัจจัยเรื่อง “ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง” ที่ต้องจ่ายให้นิติบุคคลมาหักลบด้วย

สูตรการคำนวณประเภทนี้ เหมาะกับนักลงทุนเช่นเดียวกัน แต่มีรายจ่ายเพิ่มเติม อย่างค่าใช้จ่ายส่วนกลางนั่นเอง

  • Cash on Cash Rental Yield

Cash on Cash Rental Yield เหมาะกับ ผู้ที่ทำการกู้เงินมาซื้อคอนโดฯ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะนำมาคำนวณไม่ว่าจะเป็น ค่าส่วนกลาง ค่าจอง ค่าดาวน์ ค่าตกแต่ง รวมถึงเงินผ่อนต่อเดือน ซึ่งการคำนวณจะคล้ายกับ Net Rental Yield แต่จะมีการหักส่วนของเงินผ่อนชำระสินเชื่อคอนโดทั้งปีเพิ่มเข้าไปด้วย

รวมถึงตัวหารจะไม่ใช่ราคาคอนโดที่ซื้อมาเพราะเป็นการซื้อผ่านการกู้เงินจากธนาคาร ไม่ได้จ่ายเงินทั้งก้อน โดยตัวหารจะเปลี่ยนเป็น ค่าจอง ค่าดาวน์ ค่าตกแต่ง เครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าเฟอร์นิเจอร์ + ค่าติดตั้งไวไฟ ฯลฯ ที่เป็นเงินสดที่ผู้ลงทุนจ่ายไป

สูตร Cash on Cash Rental Yield = (ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี – ค่าส่วนกลาง – เงินผ่อนธนาคารทั้งปี) ÷ (เงินจอง + เงินดาวน์ + ค่าตกแต่ง + ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า + ค่าเฟอร์นิเจอร์ + ค่าติดตั้งไวไฟ) x 100

สูตรคำนวณสูตรสุดท้ายจะเป็นสูตรที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการลงทุนมากที่สุด เพราะก่อนจะปล่อยเช่า นักลงทุนได้นำ “ต้นทุน” มาคำนวณร่วมด้วย โดยเฉพาะการ “หักค่าผ่อนคอนโดที่ต้องจ่ายให้ธนาคารตลอดปี”

ตัวอย่างวิธีคิด yield คอนโด

ซื้อคอนโดมาราคา 2,500,000 บาท ปล่อยเช่าเดือนละ 15,000 บาท สัญญาเช่า 1 ปี โดยมีรายจ่ายดังต่อไปนี้

  1. ค่าส่วนกลาง 18,000 บาท ต่อ ปี
  2. ค่าผ่อนคอนโดทั้งปี 120,000 บาท
  3. ค่าจอง 100,000 บาท
  4. เงินดาวน์ 200,000 บาท
  5. ค่าตกแต่ง 50,000 บาท
  6. ค่าเฟอร์นิเจอร์ 25,000 บาท
  7. ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า 150,000 บาท
  8. ค่าติดอินเตอร์เน็ต 1,000 บาท ต่อเดือน

ถามว่าจะคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าคอนโดของแต่ละประเภทต่อไปนี้ ได้อย่างละกี่เปอร์เซ็นต์

  • Gross Rental Yield
  • Net Rental Yield
  • Cash on Cash Rental Yield

1. Gross Rental Yield

ได้ค่าเช่าเดือนละ 15,000 บาท โดยมีผู้เช่า 12 เดือน ดังนั้นใน 1 ปี จะได้ค่าเช่าเท่ากับ [15,000 x 12] = 180,000 บาท

แล้วนำ [180,000 หาร 2,500,000] คูณ 100 เท่ากับ 7.2% ต่อปี ซึ่งก็คืออัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าในเบื้องต้น

2. Net Rental Yield

นำค่าเช่า 180,000 บาทมาลบค่าส่วนกลางปีละ 18,000 บาท แล้วหารราคาคอนโดแล้วคูณ 100 จะได้ [(180,000 ลบ 18,000) หาร 2,500,000] คูณ 100 เท่ากับ 6.48% ต่อปี เป็นอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าสุทธิ

3. Cash on Cash Rental Yield

ค่าเช่าตลอด 1 ปี = 180,000 บาท

ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าส่วนกลาง ตลอดทั้งปี  = 18,000 บาท

เงินผ่อนธนาคารตลอดปี = 120,000 บาท

เงินจอง เงินดาวน์ ค่าตกแต่ง ค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าอินเตอร์เน็ต = 100,000 + 200,000 + 50,000 + 150,000 + 25,000 + 12,000 = 537,000 บาท

เมื่อนำค่าใช้จ่ายเหล่านี้มาคำนวณจะได้ (180,000 – 18,000 – 120,000 = 42,000) และ (100,000 + 200,000 + 50,000 + 150,000 + 25,000 + 12,000 = 537,000) นำ 42,000 หาร 537,000 คูณ 100 เท่ากับ 7.82% ต่อปี เป็นอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าจากเงินสดในรอบปี

ผลตอบแทน rental yield (ยิลด์) ได้กี่ % ถึงจะดี

อย่างที่ทุกคนรู้กันว่ายิ่ง Yield มีเปอร์เซ็นต์สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีผลดีต่อการลงทุนปล่อยเช่าคอนโดมากขึ้นเท่านั้น โดยนักลงทุนที่เก่งๆบางคนอาจจะได้ผลตอบแทนหรือเปอร์เซ็นต์ยิวสูงถึง 8% แต่โดยทั่วไปแล้วการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนอยู่ประมาณ 6% – 8% หรือควรอยู่ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ย 2% ก็ถือว่าดีมากๆแล้ว

  • Rental Yield สำหรับคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มีค่าเฉลี่ยประมาณ 5-7% ต่อปี
  1. หากคำนวณ Rental Yield แล้วได้มากกว่า 7% ต่อปี ก็ถือได้ว่าคอนโดมิเนียมนี้ “คุ้มค่ามากต่อการปล่อยเช่า”
  2. หากคำนวณ Rental Yield แล้วได้ระหว่าง 5-7% ต่อปี ก็ถือได้ว่าคอนโดมิเนียมนี้ “คุ้มค่าต่อการปล่อยเช่า”
  3. หากคำนวณ Rental Yield แล้วได้น้อยกว่า 5% ต่อปี ก็ถือได้ว่าคอนโดมิเนียมนี้ “คุ้มค่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในการปล่อยเช่า” แต่อย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 2%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!