เป็นเอเจ้นท์คอนโด มือใหม่อยากทำอาชีพนี้เริ่มต้นอย่างไร?

อธิบายขั้นตอนการ เป็นเอเจ้นท์คอนโด ตั้งแต่เริ่มต้น บทบาทหน้าที่และคุณสมบัติของนายหน้า ชี้แจงลักษณะของนายหน้าที่ดี ข้อควรรู้ต่างๆสำหรับคนอยากเป็นagent และคำถามยอดฮิต “นายหน้าคอนโดหาลูกค้าจากไหน?” “ข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบระหว่างการเป็นAgentอิสระและสังกัดบริษัท”

พร้อมแนะนำวิธีสมัครสมาชิกบัตรตัวแทนนายหน้าที่ผ่านการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยสำหรับคนอยากทำอาชีพเป็นเอเจ้นท์คอนโดแบบจริงจังเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และข้อกฎหมายที่คนทำอาชีพนายหน้าควรรู้ รวมถึงช่องทางการทำการตลาดออนไลน์สำหรับagentรายใหม่ ครบที่นี่

เอเจ้นท์คอนโด คืออะไร?

เอเจ้นท์หรือนายหน้า ก็คือ ตัวแทน ของทั้งฝั่งเจ้าของห้องหรือผู้สนใจเช่าหรือซื้อห้องชุด ที่ช่วยในการเจรจาต่อรองข้อตกลงให้เกิดการทำสัญญาแล้วเสร็จโดยเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายโดยจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชันตามตกลง

เอเจ้นท์คอนโดมีกี่ประเภท

ในปัจจุบันการแบ่งประเภทนายหน้าคอนโด มีอยู่ 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะมีขอบเขตการทำงานและสิ่งที่รับผิดชอบในเนื้องานไม่เหมือนกัน

1. ตัวแทนโครงการ คือ จะอยู่ประจำที่โครงการนั้นๆ ซึ่งเราจะเห็นเวลาเข้าคอนโดแล้วมีซุ้ม kiosk ตั้งอยู่พร้อมป้าย ซึ่งบางทีนิติอาจจะทำหน้าที่นี้
2. ตัวแทนท้องที่ คือ เป็นคนหรือกลุ่มคนที่มักเป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่บริเวณนั้นๆ
3. โบรกเกอร์(broker) คือ เป็นนายหน้าที่อยู่ในรูปนิติบุคคลของแต่ละโครงการ
4. coagent(โคเอเจ้นท์) คือ มีทั้งฝั่งเจ้าของห้องและลูกค้าโดยจะเป็นตัวแทนของแต่ละฝั่ง รับเงินค่าคอมคนละครึ่งเมื่อปิดดีลได้

การเป็นเอเจ้นท์คอนโดต้องฝึกฝนทักษะด้านใดบ้าง?

1. เรียนรู้ขั้นตอนการซื้อ-ขาย-เช่า-โอนห้องชุด
2. ศึกษากฎหมายและสัญญาเช่า-ซื้อ-ขาย ว่าใช้เอกสารอะไรบ้าง และควรมีความรู้ไว้ใช้อธิบายลูกค้าคร่าวๆ
3. เข้าใจเรื่องการกู้ซื้อคอนโด เงินเดือนเท่านี้ผ่อนคอนโดได้เท่าไหร่ ใช้หลักฐานอะไรยื่นบ้าง
4. การชำระค่าใช้จ่ายในการซื้อ-ขาย-เช่า-โอนคอนโดว่าต้องเตรียมเงินเท่าไหร่
5. รู้จักทำเลและโครงการคอนโด ศึกษาราคาปล่อยเช่าและขาย ว่าราคาตลาดเป็นเท่าไหร่สำหรับห้องtypeต่างๆ
6. แนะนำเปรียบเทียบโครงการคอนโดใกล้เคียงว่ามีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง
7. จัดเก็บข้อมูลห้องชุดให้เป็นระเบียบพร้อมสำหรับการนำเสนอลูกค้าที่มีความต้องการตรงกับทรัพย์ที่เรามี
8. ทำการตลาดได้ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
9. เรียนรู้ทักษะการพูดคุย เจรจาต่อรอง แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
10. มีความรับผิดชอบ ดูแลลูกค้าสม่ำเสมอ

การเป็นเอเจ้นท์คอนโดมือใหม่เริ่มทำการตลาดออนไลน์ช่องทางไหนดี

• สร้างเพจโซเชี่ยลมีเดีย เช่น facebook tiktok instagram
• สร้างช่อง youtube channel ของตัวเอง
• สร้างเว็บไซต์และทำ google และ SEO
• โพสต์ทรัพย์ของลูกค้าทางเว็บไซต์ลงประกาศ
• โพสต์ทรัพย์ลูกค้าทางกลุ่มโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ

นายหน้าคอนโดที่ประสบความสำเร็จควรทำงานอย่างไร

• 1. สื่อสารเป็น

ต้องเลือกใช้คำเป็นในการโน้มน้าวคน พูดให้คนเข้าใจได้ง่าย เปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ดี ขยันติดต่อผู้อื่น สามารถให้ข้อมูล ตอบข้อซักถามได้ดี มีใจบริการ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

• 2. เชี่ยวชาญพื้นที่

Agentคอนโดจำเป็นต้องรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี เพื่อที่จะอธิบายการใช้ชีวิตให้ผู้สนใจได้เข้าใจเพราะส่วนมากผู้เช่า-ซื้อไม่ใช่คนพื้นที่ ถ้ารู้จักการใช้ชีวิต ตรงไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ด้านต่างๆของการใช้ชีวิตจะทำให้ปิดการเช่า-ขายได้เร็ว อีกทั้งเพื่อทำการตลาดหาลูกค้าที่เหมาะสมได้

• 3. มีข้อมูล

ตัวแทนที่ทำงานมานานจะมีฐานลูกค้าเก่า โดยลูกค้าเก่าหลายคนอาจจะอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศการอยู่อาศัยไปเช่าที่อื่น หรือมีคนรู้จักสนใจซื้อห้องชุด ทำให้ต้องมีการหาห้องอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งยังมีช่องทางฝากประชาสัมพันธ์หลายช่องทางจากทีม ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงผู้ที่มีศักยภาพได้หลายคน และช่วยให้เกิดการเช่าหรือขายคอนโดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

• 4. มีตารางการทำงานชัดเจน

เอเจ้นท์ที่ดีจะต้องทำงานเป็นกิจวัตร ทำงานจริงจัง มีความกระตือรือร้น ติดตามผลงานที่ได้พูดคุยกับลูกค้า และมีการวางแผนเพื่อเตรียมการทำงานนัดพบลูกค้าเพื่อพาชมห้อง

คุณสมบัติสำคัญของการเป็นนายหน้าคอนโดที่ดี

1. มีความจริงใจ ตรงไปตรงมา
2. มีใจรักบริการ
3. มีเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น เนื่องจากลูกค้ามักจะเรียกใช้บริการในเวลาตามสะดวก เช่น วันหยุดเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ
4. ใจเย็นมีความอดทน เนื่องจากต้องขายสินค้าที่มีราคาสูง ต้องใช้เวลาตัดสินใจนาน เลือกเยอะ ถามเยอะ
5. ต้องเป็นคนช่างพูดคุยทำความรู้จัก ช่างซักถาม และหา connection อยู่เสมอ
6. ต้องเป็นคนใฝ่เรียนรู้ ติดตามโครงการต่างๆ ข่าวด้านอสังหาริมทรัพย์และโปรเจ็คต่างๆที่กำลังจะพัฒนา รวมถึงเทรนด์การตลาดต่างๆ
7. รู้จักพูด มีไหวพริบโต้ตอบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
8. แต่งตัวให้ดูดี สร้างบุคลิกภาพที่ดูน่าเชื่อถือ
9. วิเคราะห์ความต้องการของผู้คนได้ดี
10. ต่อรองเจรจา พูดโน้มน้าวคนได้

หน้าที่หลักของการเป็นเอเจ้นท์คอนโด

• ฝั่งowner

1. ทำเอกสารสัญญาเช่า-ซื้อ-ขาย
2. ลงโฆษณาและทำการตลาด
3. พูดคุย ติดต่อ เจรจาให้ลุล่วง
4. นัดเปิดห้องพร้อมลูกค้า(กรณีเจ้าของห้องสนใจไปพร้อมagent)
5. ส่งหลักฐานการพาชมห้องให้เจ้าของห้องชุด
6. พาไปโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน(กรณีซื้อขาย)
7. รับค่านายหน้าหรือค่าคอมมิชชั่นจากownerเมื่อปิดดีลทำสัญญาหรือโอนได้

• ฝั่งลูกค้า

1. แนะนำโครงการคอนโดและห้องชุดตามสนใจของผู้ซื้อ-เช่า
2. พูดคุย ติดต่อ เจรจาให้ได้ราคาที่เหมาะสม
3. พาชมห้องชุดพร้อมเสนอจุดดีและจุดด้อยแต่ละห้อง(ควรตรวจความเรียบร้อยของห้องชุดก่อนพาลูกค้าเข้าชม)
4. พาชมส่วนกลางของโครงการคอนโด
5. ทำเอกสารสัญญาเช่า-ซื้อ-ขาย
6. ติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อเพื่อประเมินความสามารถในการกู้(ในกรณีซื้อขายถ้าต้องกู้ซื้อ)
7. พาไปโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน(กรณีซื้อขาย)

ข้อดีของนายหน้าคอนโดมีอะไรบ้าง

• 1. มีเครือข่ายตัวแทนและฐานลูกค้าเก่า

การทำงานมานานทำให้นายหน้ามีคอนเนคชั่นของสมาคมนายหน้าที่พร้อมจะแชร์ข้อมูลลูกค้าเพื่อให้ปิดเคสได้เร็วที่สุด มีฐานข้อมูลลูกค้าที่แจ้งความต้องการทำเลคอนโด ค่าเช่า และงบในการซื้อ

• 2. ประหยัดเวลา

การใช้บริการเอเจ้นท์คอนโดเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของห้องชุดที่ไม่ค่อยมีเวลาเนื่องจากมีงานประจำ ไม่สะดวกที่จะนัดหมายกับลูกค้า หรือพาชมคอนโด รวมทั้งไม่สะดวกรับโทรศัพท์ ติดต่อกลับ หรือเจรจากับผู้สนใจโดยตรง

• 3. จัดการเอกสาร

เจ้าของห้องเริ่มต้นจะไม่แน่ใจเรื่องความสมบูรณ์ของเอกสาร และไม่กล้าเริ่มดำเนินการ เพราะการปล่อยเช่าหหรือขายถ้าระบุสัญญาในเอกสารไม่ละเอียด เวลามีปัญหาจะเป็นผลเสียต่อเจ้าของห้องมาก ซึ่งนายหน้ามืออาชีพจะมีที่ปรึกษาเป็นนักกฎหมายคอยร่างสัญญาที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

• 4. มีความสามารถในการทำการตลาด

ตัวแทนมืออาชีพหลายคนมีการอบรมเรียนการตลาดออนไลน์ เชี่ยวชาญการลงประกาศคอนโดตามสื่อต่างๆ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากกว่า การปล่อยเช่า-ขายคอนโดด้วยตัวเองบางครั้งอาจทำให้งบบานปลาย เนื่องด้วยความไม่เชี่ยวชาญในการทำการตลาดออนไลน์ และทำสื่อโฆษณาที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มเป้าหมายไม่เห็นป้ายโฆษณาของเจ้าของคอนโด

• 5. หลีกเลี่ยงการหาผู้เช่าที่ไม่ดี

ประสบการณ์ของนายหน้าคอนโดมืออาชีพสามารถรู้ได้เบื้องต้นว่าผู้เช่าคนไหนมาถามเล่นๆหรือไม่สนใจจริงๆ ทาง nerdcondo จะทำการถามประวัติและความต้องการคร่าวๆให้ท่านทุกราย และคัดกรองผู้เช่าที่ดีให้ท่านว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมไหม

• 6. ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอน

ทาง nerdcondo มีการให้คำปรึกษาในการแต่งห้องให้น่าอยู่และมีช่างผู้รับเหมาพร้อมให้บริการในราคาที่พูดคุยได้ การเปลี่ยนห้องให้สวยสามารถสร้างความแตกต่างให้กับค่าเช่าหรือราคาขายในโครงการเดียวกันได้มากกว่า

นายหน้าคอนโดหาลูกค้าจากไหน?

ทำไมนานแล้วยังหาคนเช่าหรือซื้อเองไม่ได้ นายหน้าคอนโดหาลูกค้าจากไหน ใช้บริการนายหน้าดีกว่าทำเองยังไง ทำไมมีนายหน้าดีกว่า ลักษณะของนายหน้าที่ดีมีอะไรบ้าง

• ลงประกาศในสื่อออนไลน์

ลงประกาศในเว็บที่มีชื่อเสียงหลายๆเว็บและอย่าลืม boost post ด้วย รวมถึงเว็บฝากห้องต่างๆและเว็บบอร์ดต่างๆ

• ใช้ไลน์ open chat ให้เป็น

สร้าง line open chat และระบุหัวข้อกลุ่มให้ตรงวัตถุประสงค์ที่สุด และพยายามบล็อคมิจฉาชีพแอบแฝงเมื่อเห็นท่าไม่ดี

• ใช้ Facebook group ให้คุ้ม

เข้าให้มันหลายๆกลุ่มและประกาศตามกลุ่ม Facebook บ้านและคอนโดเพื่อสร้างการรับรู้ สักวันก็ต้องมีวันของเรา

• สร้างเพจโซเชี่ยลมีเดียและลงโฆษณา

สร้างเพจเฟสบุ๊กและลงโฆษณายิงads facebook เพราะเดี๋ยวนี้ถ้าเริ่มให้ต้องยิงแอดเพราะเฟสบุ๊กปิดกั้นการมองเห็นมาก รวมถึง instagram และที่นิยมมากและมีการมองเห็นมากก็คงเป็น tiktok

• สร้างเว็บไซต์ของตัวเองและทำ SEO

โพสต์ข้อมูลห้องชุดตัวเองในส่วนที่เห็นชัดในบทความคอนโดของตัวเองในแต่ละบทความของโครงการที่ทำ

• ทำ Google ads หาลูกค้า

แต่ต้องมีเว็บไซต์ของตัวเองเสียก่อนนะ หรืออาจจะใช้ facebook page ก็ได้แต่ประสิทธิภาพจะต่ำกว่าเว็บไซต์

• ใช้เครือข่าย Agent ที่มี

ส่งต่อลูกค้ากันระหว่างกลุ่มของ Agent ใน Line โดยไล่แอดไลน์เอเจ้นท์ไว้มากๆเพื่อส่งต่องานกัน

• ติดประกาศตามสถานที่สำคัญย่านคอนโดแถวนั้น

ในแต่ละทำเลที่ปล่อยเช่าหรือขายเราสามารถแปะประกาศตามเสาใกล้ห้าง supermarket โรงเรียน โรงพยาบาล ทำให้เกิดการรับรู้ได้อย่างดี โดยต้องเขียนช่องทางการติดต่อและรายละเอียดห้องให้ครบ รวมถึงรูปถ้ามีก็ดี ที่สำคัญพยายามออกแบบให้สะดุดตา เพื่อให้โดดเด่นจนชาวต่างชาติต้องแวะมอง

• ลงโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์

เมื่อก่อนถือว่ามีค่าใช้จ่ายสูง แต่ปัจจุบันราคาไม่สูงมาก คนต่างชาติที่ยังติดกับการอ่านใบปลิว magazine ดีๆก็ยังมี แถมได้ลูกค้าเฉพาะกลุ่มด้วย ถ้าใบปลิวนี้ไว้ในสถานที่ลูกค้าใช้บริการ เช่น คลีนิค โรงพยาบาล ฟิตเนส เป็นต้น

สัญญาแต่งตั้งเป็นเอเจ้นท์คอนโดมีอยู่กี่แบบ

โดยปกติปัจจุบันจะมีสัญญาแต่งตั้งagentคอนโดอยู่ 2 แบบ คือ สัญญาแบบปิด(exclusive) และสัญญาแบบเปิด

1. สัญญาแบบปิด

หรืออาจจะเรียกว่าสัญญา exclusive เป็นการให้สิทธิ์ตัวแทนนั้นแต่เพียงผู้เดียว และมีกำหนดระยะเวลาสัญญาที่ชัดเจน โดยถ้าทำสัญญาแบบนี้ท่านต้องมั่นใจถึงศักยภาพของagencyขายคอนโดนั้นมากๆว่ามีมากกว่ารายอื่นอย่างเห็นได้ชัด โดยข้อเสียคือเป็นการปิดกั้นโอกาส แต่ข้อดีคือเอเจนซี่ตั้งใจทำงานได้เต็มที่เพราะงานเป็นของเราผู้เดียว

2. สัญญาแบบเปิด

เป็นสัญญาที่ใช้กันมากสำหรับตัวแทนคอนโดอิสระ เพราะขาดผลงานแต่มีความตั้งใจ สัญญาแบบนี้ใครปิดดีลได้ก่อนก็ได้เงินไป ข้อเสียคือ agencyจะไม่ค่อยตั้งใจทำงานเพราะกลัวทำฟรี แต่ข้อดีคือไม่ปิดโอกาสของเอเจนซี่อื่นที่มีลูกค้าอยู่

เอกสารแต่งตั้งเป็นเอเจ้นท์คอนโดควรระบุหัวข้ออะไรไว้บ้าง

1. สำเนาโฉนดห้องชุดหน้า – หลัง
2. หลังสือสัญญาซื้อ (ท.ด.13) หรือ หนังสือสัญญาการให้ (ท.ด.14)
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. ใบมอบอำนาจ
6. ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
7. หนังสือรับรองบริษัท (กรณีทำผ่านนิติบุคคล)
8. บันทึกรายงานการประชุม (กรณีทำผ่านนิติบุคคล)

หมายเหตุ : ต้องเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้องทุกเอกสาร

ข้อกฎหมายสำหรับคนที่อยากเป็นเอเจ้นท์คอนโดต้องรู้

คนเป็นเอเจ้นท์คอนโดรายใหม่ควรเริ่มศึกษาและทำความเข้าใจรายละเอียดที่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาในการทำงานตามมาในภายหลัง

โดยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 เอกเทศสัญญาลักษณะ 16 นายหน้า มาตรา 845-849 ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้

ป.พ.พ. มาตรา 845

“บุคคลผู้ใดตกลงจะให้ค่าบำเหน็จแก่นายหน้า เพื่อชี้ช่องให้ได้เข้าทำสัญญาก็ดี จัดการให้ได้ทำสัญญากันก็ได้ ท่านว่า บุคคลผู้นั้นจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จก็ต่อเมื่อสัญญานั้นได้ทำกันสำเร็จ เนื่องแต่ผลแห่งการที่นายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการนั้น ถ้าสัญญาที่ได้ทำกันไว้นั้นมีเงื่อนไขเป็นเงื่อนบังคับก่อนไซร้ ท่านว่าจะเรียกร้องบำเหน็จค่านายหน้ายังหาได้ไม่จนกว่าเงื่อนไขนั้นสำเร็จแล้ว นายหน้านั้นมีสิทธิ์จะได้รับชดใช้ค่าใช้จ่ายที่ได้เสียไป ก็ต่อเมื่อได้ตกลงกันไว้เช่นนั้น ความข้อนี้ท่านให้ใช้ บังคับแม้ถึงว่าสัญญาจะมิได้ทำกันสำเร็จ”

ป.พ.พ. มาตรา 846

ถ้ากิจการอันได้มอบหมายแก่นายหน้านั้น โดยพฤติการณ์เป็นที่คาดหมายได้ว่า ย่อมทำให้แต่เพื่อจะเอา ค่าบำเหน็จไซร้ ท่านให้ถือว่าได้ตกลงกันเป็นจำนวนตามธรรมเนียม

ป.พ.พ. มาตรา 847

ถ้านายหน้าทำการให้แก่บุคคลภายนอกด้วยก็ดี หรือได้รับคำมั่นแต่บุคคลภายนอกเช่นนั้นว่าให้ค่าบำเหน็จอันไม่ควรแก่นายหน้าผู้กระทำการโดยสุจริตก็ดี เป็นการฝ่าฝืนต่อการที่ตนเข้ารับทำหน้าที่ไซร้ ท่านว่านายหน้าหามีสิทธิจะได้รับค่าบำเหน็จหรือรับชดใช้ค่าใช้จ่ายที่ได้เสียไปไม่

ป.พ.พ. มาตรา 848

ตัวนายหน้าไม่ต้องรับผิดไปถึงการชำระหนี้ตามสัญญา ซึ่งได้ทำต่อกันเพราะตนเป็นสื่อ เว้นแต่จะมิได้บอกชื่อของฝ่ายหนึ่งให้รู้ถึงอีกฝ่ายหนึ่ง

ป.พ.พ. มาตรา 849

การรับเงินหรือรับชำระหนี้อันจะพึงชำระตามสัญญานั้นท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า นายหน้าย่อมไม่มีอำนาจที่จะรับแทน ผู้เป็นคู่สัญญา

การสมัครสอบบัตรตัวแทนนายหน้าที่ได้รับการรับรอง

รายละเอียดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบเพื่อเป็นสมาชิกบัตรตัวแทนนายหน้า ที่รับรองโดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทยสำหรับสมาชิกวิสามัญบุคคลธรรมดา(ข้อมูลวันที่ 6 พฤศจิการยน พ.ศ.2567)

1. กรอกใบสมัครสมาชิกและใบสมัครสอบพร้อมชำระค่าบำรุงสมาคมฯ 1,000 บาท
2. ค่าลงทะเบียนแรกเข้า 500 บาท
3. ค่าสมัครสอบ 200 บาท
4. ค่าคู่มือสอบ 100 บาท
5. ค่าบัตรสมาชิก 300 บาท
6. ค่าสายคล้องคอ 100 บาท
7. รวมทั้งหมด 2,200 บาท(สองพันสองร้อยบาทถ้วน)

บัตรตัวแทนนายหน้าอสังหาจำเป็นสำหรับการเป็นเอเจ้นท์คอนโดหรือไม่?

ถ้าถามว่าการเป็นตัวแทนขายและเช่าคอนโดต้องมีบัตรตัวแทนนายหน้าหรือไม่ คำตอบคือควรมีไว้แม้ไม่ได้บังคับเพราะการมีบัตรตัวแทนนายหน้าทำให้agentมีความน่าเชื่อถือ ในอาชีพมากยิ่งขึ้น

อยากมีบัตรตัวแทนนายหน้าอสังหาฯต้องทำยังไง

เข้าอบรมกับสถาบันที่จัดสอนให้ความรู้เรื่องกับการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์และไปสอบตามที่สถาบันแจ้งวันและเวลาจัดสอบ

เป็นเอเจ้นท์คอนโดแบบอิสระหรือสังกัดบริษัทดีกว่ากัน?

คำถามยอดนิยมที่นายหน้ามักอยากทราบ เรารวบข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบมาให้ ดังนี้

• ตัวแทนอิสระ(Freelance)

คนทำมักทำเป็นอาชีพเสริม โดยต้องทำหน้าที่ทุกอย่างด้วยตัวเองจนปิดการขาย

ข้อดี

1. มีอิสระ
2. รับค่าคอมเต็มๆ

ข้อเสีย

1. เหนื่อยเพราะรับผิดชอบคนเดียว
2. หาคอนโดดีดีซื้อขายหรือปล่อยเช่ายากเพราะเจ้าของไม่มั่นใจให้ดูแล
3. เสียค่าใช้จ่ายทำการตลาดสูงเพราะไม่มีเครือข่าย
4. ไม่มีที่ปรึกษา
5. ไม่มีความน่าเชื่อถือ

ตัวแทนสังกัดบริษัท

มีการแบ่งหน้าที่ทำงานอย่างเป็นระบบ มีการจดทะเบียนนิติบุคคล มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

ข้อดี

1. น่าเชื่อถือ
2. ช่วยดูแลการตลาดให้
3. มีที่ปรึกษา
4. มีทีมสนับสนุน

ข้อเสีย

1. มีกฎข้อบังคับ
2. มีเป้าหมายที่ถูกกำหนดให้ผ่าน
3. ต้องแบ่งค่าคอมมิชชั่น